การขุดค้นทางโบราณคดียุคปัจจุบันพบว่าพาหะตัวอักษรจีนสำคัญๆก่อนการประดิษฐ์กระดาษได้แก่เครื่องปั้นดินเผา กระดองเต่า กระดูกสัตว์ เครื่องทองสัมฤทธิ์ หยก หิน แผ่นไม้ไผ่ แผ่นไม้ เราพอจะแบ่งออกเป็น สองชั้น เครื่องปั้นดินเผา กระดองเต่า กระดูกสัตว์ เครื่องทองสัมฤทธิ์ หยก หินเป็นตัวพาหะ อักษรจีนที่ค่อนข้างแข็งแรง ก่อนเกิดตัวหนังสือ สิ่งของเหล่านี้ล้วนไม่ใช่ทำหน้าที่เป็นตัวพาหะอักษรโดยเฉพาะ เครื่องปั้นดินเผาคือเครื่องมือด้านการผลิตและเพื่อดำรงชีพ กระดองเต่ากระดูกสัตว์เป็นวัสดุที่ใช้ในการเสี่ยงทาย เครี่องทองสัมฤทธิ์สามารถใช้ในการทำพิธี เครื่องดนตรี อาวุธ เครื่องบรรจุอาหารเป็นต้น เป็นอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับราชสกุล แลสกุลขุนนางโดยเฉพาะการวางเครื่องทองสัมฤทธิ์ในพิธีเส้นไหว้เป็นการแสดงถึงชนชั้นวรรณะของภายในชนชั้นขุนนาง หยกและหิน ผู้คนเห็นบ่อยมักจะเป็นวัสดุดิบทางธรรมชาติที่ใช้ในการแกะสลักและการก่อสร้าง คนโบราณที่สลักตัวอักษรจีนลงบนวัสดุเหล่านี้ เป้าหมายไม่ได้ต้องการเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด เผยแพร่ความรู้ทักษะ แต่ในความเป็นจริง คนโบราณได้อาศัยวัสดุเหล่านี้บันทึกประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีนเป็นประจักษ์พยานทางประวัติศาสตร์ สะท้อนกระบวนการวิวัฒนการของตัวพาหะอักษรจีน ตัวพาหะอักษรจีนที่ค่อนข้างนุ่มนวลกว่าอีกสองชนิดเมื่อเทียบกับตัวพาหะอักษรที่แข็งกระด้างเหล่านี้ คือแผ่นไม้ไผ่และผ้าไหม สิ่งเหล่านี้ได้ถูกใช้เป็นวัสดุเพื่อเขียนเป็นหนังสือด้วยความตั้งใจจึงกลายเป็นตัวพาหะ อักษรจีน เมื่อเทียบกับแผ่นไม้แล้วผ้าไหมจะมีข้อได้เปรียบมากกว่าสะดวกสบายกว่า เนื้อนิ่ม น้ำหมึกซึมง่าย ม้วนได้พับได้ ง่ายต่อการอ่านและเก็บรักษาน้ำหนักเบาพกติดตัวง่าย หนังสือที่เขียนบนผ้าไหมเริ่มจากยุคชุนชิว ใช้คู่กับแผ่นไม้ไผ่และเสียง่ายกว่า แม้การใช้ผ้าไหมเป็นตัวพาหะอักษรจะไม่ค่อยแพร่หลาย แต่ก็ชวนให้ผู้คนคิดหาทาง แสวงหาวัตถุดิบที่มีความอุดมสมบูรณ์ราคาย่อมเยากว่ามาแทนที่จึงเกิดการผลิตกระดาษขึ้น
การประดิษฐ์กระดาษและนำมาใช้ย่อมมีความหมายทางประวัติศาสตร์ในกระบวนการปฎิรูปตัวพาหะอักษร มันได้กลายเป็นตัวพาะที่เบาแรงและใช้ได้ในระยะเวลายาวนานชนิดหนึ่ง ทำให้การติดต่อสื่อสารด้วยตัวอักษรจีนเกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เทคนิคการผลิตกระดาษจึงมีความสำคัญมาก เทคโนโลยีอีกอย่างหนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับกระดาษคือการปรากฎตัวของเทคโนโลยีการพิมพ์ ทำให้กระดาษอันเป็นตัวพาหะอักษรจีนที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้นนำพาข้อมูลข่าวสารจำนวนมากออกเผยแพร่อย่างกว้างไกลมากยิ่งขึ้น การคิดค้นเทคโนโลยีการพิมพ์เป็นจำนวนมาก ก่อนค้นพบเทคนิคการพิมพ์ ผู้คนก็มีวิธีการทำซ้ำตัวอักษรที่ใช้กันอย่างกว้างขวางและเรียบง่ายที่สุดคือการคัดลอกด้วยมือ นอกจากนั้นการแกะสลักตราประทับ การแกะสลักข้อความบนหินก็สามารถทำซ้ำตัวอักษรได้ การพิมพ์ด้วยวิธีแกะสลักเป็นการตระเตรียมเทคโนโลยีและวัสดุเพื่อดำเนินการพิมพ์ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้เช่น แผ่นไม้ หมึก กระดาษ ก็มีพร้อมตั้งแต่สมัย ถัง (唐)บนพื้นฐานดังกล่าว การประดิษฐ์คิดค้นครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งยุคโบราณจีนได้เกิดขึ้นแล้ว การพิมพ์ด้วยการแกะสลักบนแผ่นไม้ แม้สามารถพิมพ์หนังสือจำนวนมาก แต่การพิมพ์กระดาษหนึ่งแผ่นต้องแกะสลักแบบหนึ่งแผ่น การพิมพ์หนังสือที่มีตัวหนังสือจำนวนมากเป็นมหาศาล ต้องแกะสลักแบบพิมพ์เป็นหมื่นแผ่น ฉะนั้นในยุค ซ้ง (宋)มีคนชื่อปี่เซิงได้ประดิษฐ์ค้นคิดเทคนิคการพิมพ์โดยสร้างตัวพิมพ์ตัวอักษรที่สามารถแยกตัวได้ เทียบกับการพิมพ์แบบเดิม การพิมพ์ด้วยตัวพิมพ์ที่แยกตัวได้จะประหยัดทั้งแรงงานและเวลา เมื่อเริ่มต้นแกะสลักจากดินผสมกาวแล้วต่อมา ช่างเทคนิคโบราณก็สามารถประดิษฐ์คิดค้นการแกะสลักจากไม้และแบบพิมพ์ที่ทำด้วยโลหะ เช่น ดีบุก ทองแดง ตะกั่วเป็นต้น เทคโนโลยีอันล้ำเลิศเหล่านี้ได้ถ่ายทอดสู่อาหรับ ต่อไปก็เข้าสู่ยุโรปและได้รับการปรับปรุงแก้ไขและใช้กันอย่างกว้างขวาง จะเห็นได้ว่าในยุค ฮั้นถัง (汉唐)เทคโนโลยีการผลิตกระดาษและการพิมพ์อยู่ในแนวหน้าของโลก
ปี 1867 สหรัฐอเมริกาได้ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ดีดที่ใช้แป้นพิมพ์ด้วยตัวอักษรลาตินตะวันตกขึ้นใช้เครื่องจักรแทนที่การใช้มือเขียนตัวหนังสือ อาศัยเทคโนโลยีดังกล่าวทำให้สามารถจัดการกับข้อมูลข่าวสารตัวหนังสือได้อย่างรวดเร็วขณะที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงที่ตกเป็นกึ่งเมืองขึ้นภายใต้ระบบการปกครองแบบเน่าเฟะของรัฐบาลราชวงศ์ชิง เศรษฐกิจจีนที่เต็มไปด้วยบาดแผลไม่มีทางจะต้านทานระบบเศรษฐกิจทุนนิยมที่พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ฉะนั้น ขณะที่เกือบทุกคนในยุโรป อเมริการู้จักใช้เครื่องพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษ ประเทศจีนพึ่งคิดค้นเครื่องพิมพ์ดีดภาษาขึ้นเครื่องแรก การใช้เครื่องพิมพ์ดีดภาษาจีนจะใช้ได้เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ชำนาญโดยเฉพาะเท่านั้น ทั้งที่มีประสิทธิภาพต่ำมาก ขณะเดียวกันเทคนิคการพิมพ์ของจีน กับอุปสรรคต่างๆต้องใช้ช่างเรียงตัวพิมพ์เรียงตัวพิมพ์ซึ่งต้องใช้แรงงานในอัตราสูง ประสิทธิภาพต่ำ ความล้าหลังทางเศรษฐกิจและวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีของจีนทำให้ด้านตัวพาหะอักษรจีนเกิดการล้าหลังทางความเป็นระบบเครื่องจักรกลและความเป็นทันสมัย
ปี 1946 เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดอิเลคโทรนิคเครื่องแรกในโลกถูกสร้างขึ้นในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่นี้เป้นต้นไปการจัดการกับข้อมูลข่าวสารได้ก้าวสู่ประวัติศาสตร์ยุคใหม่ ระบบคอมพิวเตอร์ก็กลายเป็นเทคนิคการจัดการตัวอักษรที่สำคัญที่สุด การเกิดเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้สร้างตัวพาหะอักษรชนิดใหม่โดยสิ้นเชิง คือสื่อกลางการบรรจุข้อมูลข่าวสารด้วย แถบแสงแม่เหล็กเช่น แถบจานแสงแม่เหล็ก แผ่น cd แถบเสียงเป็นต้น สื่อกลางการบรรจุข้อมูลข่าวสารด้วบแถบแสงแม่เหล็กเหล่านี้เมื่อเทียบกับตัวพาหะอักษรจีนดั้งเดิมจะเห็นจุดได้เปรียบอย่างชัดเจน ความจุจำนวนมากน้ำหนักเบาง่ายต่อการพกพา การถ่ายข้อมูลอีกทั้งสามารถเก็บรักษาไว้ยาวนาน ข้อมูลข่าวสารตัวอักษรที่ถูกบันทึกอยู่บนตัวพาหะดังกล่าวสามารถแพร่กระจายสู่ทั่วโลกผ่านระบบเครือข่าย ปัจจุบันการถ่ายข้อมูลข่าวสารเป็นจำนวนมากก็อาศัยตัวพาหะเหล่านี้เป็นสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากการปลดแอก ประเทศจีนได้ทุ่มเทกำลังมหาศาลในการพัฒนพลังทางเทคโนโลยี ดำเนินการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ ปี 1967 จีนได้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกสำเร็จ จากนั้นอีก 30 กว่าปี นักวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีจีนหลังจากทำการศึกษาค้นคว้าอย่างไม่หยุดยั้งสามารถพัฒนาเปลี่ยนรุ่นเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง ทั้งได้ประสบความสำเร็จในการค้นคว้าวิจัยด้านการป้อนข้อมูลและส่งออกข้อมูลเป็นภาษาจีนเป็นที่น่าพอใจ จากการแสวงหาความรู้ทักษะเทคโนโลยีต่างประเทศ ตัวอักษรจีนก้อสามารถมีตัวพาหะของตนเองใหม่ การจัดการข้อมูลข่าวสารภาษาจีนก็มีความสามารถทางเทคนิคในด้านนี้ จีนยังล้าหลังมาก หากต้องการเสริมบทบาทตัวพาหะอักษรจีนอย่างเต็มที่ การปรับปรุงเทคโนโลยีต้องมาก่อน
จากการปฎิรูปตัวพาหะอักษรจีนย่อมเป็นที่ประจักษ์ว่า ตัวพาหะอักษรจีนได้วิวัฒนการอย่างต่อเนื่องตามครรลองที่คล่องแคล่ว เงื่อนไข เบื้องต้นในการชี้ขาดอัตราความเร็วในการพัฒนาของมัน คือการเปลี่ยนแปลงทางสังคมการวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ในยุคโบราณ การพัฒนาเศรษฐกิจวัฒนธรรมของจีนเดินอยู่ข้างหน้า การพัฒนาตัวพาหะ อักษรจีนจึงมีอัตราความเร็วสูง ในยุคใกล้ เศรษฐกิจวัฒนธรรมจีนล้าหลัง การพัฒนาของตัวพาหะอักษรจีนก็ถูกกำจัด แต่จากการปฎิรูปตัวพาหะอักษรจีนทำให้ผู้คนค่อยๆรู้จักถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างตัวพาหะกับตัวอักษรจีนการปรับปรุงตัวพาหะอย่างต่อเนื่องจะเป็นการช่วยให้มันสามารถปฎิบัติตามภารกิจที่เป็นตัวพาหะในการบันทึกเผยแพร่ประวัติศาสตร์วัฒนธรรม
ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ตัวอักษรจีนที่ถือได้ว่าเป็นการปฎิวัติโดยแท้มีสามครั้ง ครั้งแรกคือหลังจากกษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์ฉิน (秦始皇)สามารถรวมหกก๊กเป็นหนึ่งเดียวได้ดำเนินนโยบายการปฎิรูป “ ให้ตำราทุกเล่มใช้ตัวอักษรเดียวกัน “(书同文)นับได้ว่าเป็นการปฎิรูปตัวอักษรจีนให้เป็นมาตราฐานครั้งแรกในประวัติศาสตร์จีน ด้วยความตั้งใจหลังจากใช้ตัวอักษรจีนเป็นหนึ่งเดียวและเป็นมาตราฐานแล้ว ยอมทำให้การถ่ายทอดแนวความคิดผู้ปกครองบ้านเมืองได้ดียิ่งขึ้น เป็นประโยชน์ต่อความเป็นหนึ่งเดียวและการพัฒนาประเทศ หลังจากนี้ตัวอักษรจีนได้กลายเป็นพลังที่ยั่งยืนที่สุดกว้างขวางที่สุดล้ำลึกที่สุด เพื่อสร้างประเทศจีนเป็นหนึ่งเดียวที่ก้าวข้ามประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ชนชั้นและพลังทางการเมือง ความหมายทางการเมืองและทางประวัติศาสตร์ของมันได้ก้าวล้ำบทยาทในการทำให้การปฎิรูปปรากฎเป็นจริง ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่ามันคือการปฎิวัติครั้งที่หนึ่ง
การปฎิวัติครั้งที่สองคือตัวอักษรจีนได้ปรับเปลี่ยนรูปร่างจากตัวอักษรจีนรูปร่างแบบจ้วน (篆)เป็นรูปร่างแบบ ลี่ (隶)กระบวนการปรับเปลี่ยนรูปร่างตัวอักษรจีนจากแบบจ้วน (篆)มาเป็นแบบลี่ (隶)โครงสร้างทางรูปลักษณ์ตัวอักษรได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน นับว่าเป็นการวางรากฐานโครงสร้างรูปลักษณ์ตัวอักษรจีนยุคปัจจุบันและเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงของตัวอักษรจีนอันเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างรูปลักษณ์ภาษาจีนครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
การปฎิวัติรูปลักษณ์ตัวอักษรจีนครั้งที่สามคือการปรับตัวอักษรจีนให้เป็นตัวอักษรที่ย่นย่อ ของคณะกรรมการปฎิรูปตัวอักษรจีนแห่งประเทศจีนหลังสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน การทำให้ตัวอักษรจีนย่นย่อเป็นปรากฎการณ์ที่เห็นบ่อยในประวัติศาสตร์อักษรจีน จนถึงปลายราชวงศ์ชิง การย่นย่ออักษรจีนจะมีขอบเขตจำกัดเฉพาะในภาคเอกชนเท่านั้นไม่มีสถานภาพที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการยอมรับจากชนชั้นปกครอง
ขบวนการสี่พฤษภาคมได้ผลักดันความคืบหน้าในการพัฒนาขบวนการวัฒนธรรมใหม่ ซึ่งหนึ่งในเนื้อหาดังกล่าวคือทำการปฎิรูปตัวอักษรจีน นายเฉียนเสวียนถง หนึ่งในผู้นำของขบวนการดังกล่าวมีแนวคิดการปฎิรูปที่รุนแรงมากเขาเห็นว่าวิธีการปฎิรูปตัวอักษรจีนแบบถอนรากถอนโคนคือยกเลิกตัวอักษรจีนเสีย เปลี่ยนเป็นระบบการผสมเสียง วิธีการแก้ไขตัวอักษรจีนเฉพาะหน้าคือยนย่อจำนวนขีดเขียนของตัวอักษรจีน เขาจึงได้เสนอแผ่นการยนย่อตัวอักษรจีนปัจจุบันและเสนอขอให้ยอมรับสถานภาพที่ชอบด้วยกฎหมายของอักษจีนตัวย่อ แผนการดังกล่าวทางรัฐบาลจีนก็ได้ประกาศใช้เมื่อปี 1956 ต่อมาก็ได้รับการปรับปรุงให้เกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นในปี 1958
ตัวอักษรจีนเป็นตัวอักษรที่มีการผสมกลมกลืนกันอย่างใกล้ชิดระหว่างรูปลักษณ์และความหมายทั้งยังเป็นตัวอักษรสี่เหลี่ยมประกอบด้วยขีดเขียนกับชิ้นส่วน ในช่วงแรกโดยทั่วไปจะออกมาในรูปของคำศัพท์กล่าว คือตัวอักษรจีนหนึ่งตัวเป็นหนึ่งคำศัพท์ ความหมายของคำศัพท์แต่ละคำจะแสดงออกจากการผสมระหว่างขีดเขียนกับชิ้นส่วนในลักษณะทางตรรก อาศัยผ่านการวิเคราะห์รูปลักษณ์ของตัวอักษรสามารถหาความหมายของคำศัพท์ได้ ซึ่งกฎเกณฑ์ดังกล่าวก็ได้ปรากฎตั้งแต่สมัยโบราณแต่หลังจากเกิดขบวนการสี่พฤษภาคมอันเป็นการรณรงค์ให้พูด “ภาษาชาวบ้าน “(白话文)
การรณรงค์ดังกล่าวไม่เพียงแต่ได้ลดช่องว่างระหว่างภาษาพูดกับภาษาเขียนลง ยังทำให้ความหมายทางคำศัพท์เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญถึงพื้นรากคือ เดิมที ภาษาโบราณแต่ละคำจะเป็นหนึ่งพยางค์พอมาถึงการใช้ภาษาชาวบ้านจะเป็นวลีที่ออกเสียงเป็นสองพยางค์หรือหลากหลายพยางค์ยอดรวมของตัวอักษรจีนไม่ได้เพิ่มมากขึ้นเท่าไรนัก แต่การผสมระหว่างตัวอักษรทำให้คำศัพท์ภาษาจีนสามารถบรรจุปริมาณข้อมูลข่าวสารได้เป็นจำนวนมาก สามารถสอดคล้องกับความต้องการของยุคใหม่ ตัวอักษรจีนก็ได้มีบทบาทเท่าที่มีอยู่นั่นก็คือการปฎิวัติความหมายของตัวอักษรจีน ครั้งหนึ่งท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
เมื่อมนุษย์ได้ก้าวสู่ยุคข้อมูลข่าวสาร การใช่เครื่องคอมพิวเตอร์อย่างแพร่หลายแทรกซึมเข้าสู่ทุกมุมโลก ต้องการก้าวทันโลก จีนจำต้องพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีของตนเองรวมถึงเทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์พร้อมกันนั้นยังต้องทำการปฎิรูปตัวอักษรจีนอย่างต่อเนื่อง การปฎิรูปตัวอักษรจีนต้องให้ความสำคัญสองจุด 1.ต้องให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคม อย่ามุ่งหวังให้สัมฤทธิผลโดยเร็ว การมุ่งหวังให้สัมฤทธิผลโดยเร็วจะต้องเดินทางคดเคี้ยว 2.การปฎิรูปตัวอักษรจีนต้องสอดคล้องกับกฎเกณฑ์การพัฒนาตัวอักษรจีน
ความสัมพันธ์ซึ่งส่งผลต่อกันของการปรับเปลี่ยนตัวพาหะอักษรจีนกับการปฎิวัติตัวอักษรจีนทำให้เราทราบว่าการพัฒนาเทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์จะต้องเดินไปในทิศทางสอดคล้องกับการพัฒนาของตัวอักษรจีนการปฎิรูปตัวอักษรจีนก็ต้องสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์ทุกวันนี้ สองฝ่ายผสมผสานกันอย่างใกล้ชิดก็จะเกิดพลังที่พึงมี